“ความสวยงามที่มาพร้อมกับความอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ ที่…มีดีคลินิก”
หน้าหมองคล้ำ อิดโรย ดูโทรม!!! มาฟื้นสุขภาพผิวด้วยการเติม HA ที่มีดีคลินิก
ฟิลเลอร์คืออะไร?
ฟิลเลอร์ คือ สารเติมเต็มไฮยาลูรอนิค แอซิด Hyaluronic Acid หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า HA เป็นสารที่ช่วยเติมเต็มในชั้นใต้ผิวหนัง ซึ่งผิวหนังของคนเราจะมีใยคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบสำคัญ ทำหน้าที่ให้ความแข็งแรงและความยืดหยุ่นแก่ผิว แต่เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ใยคอลลาเจนเหล่านี้จะค่อยๆ ลดจำนวนลง ทำให้ผิวบาง เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่น จึงมีการพัฒนาฟิลเลอร์ขึ้นมาเพื่อทดแทนใยคอลลาเจนที่หายไป เมื่อฉีดฟิลเลอร์เข้าไปจะทำให้ร่องริ้วรอยตื้นขึ้น จึงเป็นการช่วยเติมเต็มใบหน้า ทำให้หน้าดูเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ เป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัดศัลยกรรมและไม่ต้องพักฟื้น
ฟิลเลอร์ ฉีดในจุดไหนได้บ้าง?
การฉีดฟิลเลอร์สามารถฉีดได้ในหลายตำแหน่ง แล้วแต่ว่ามีปัญหาริ้วรอยร่องลึกบริเวณไหนบ้าง สำหรับบนใบหน้า มี 7 จุด ที่นิยมฉีดฟิลเลอร์แล้วเห็นผลการเปลี่ยนแปลงชัดเจนที่สุด
-
- ฟิลเลอร์ใต้ตา เมื่อเราอายุมากขึ้นกระดูกใต้ตาจะยุบตัวลง เนื้อน้อยลง ทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อย สามารถแก้ไขได้ด้วยการเติมฟิลเลอร์ใต้ตา จะช่วยให้หน้าดูเด็กลง สดใสขึ้น
- ฟิลเลอร์คาง ปรับรูปหน้าให้ดูสมมาตรหรือหน้าเรียววีเชฟ ถ้าฉีดด้วยเทคนิคที่ถูกต้องก็จะได้ผลดี เป็นธรรมชาติไม่แพ้การผ่าตัดศัลยกรรมเสริมคาง
- ฟิลเลอร์ร่องแก้ม การมีร่องแก้มลึกจะทำให้หน้าดูแก่กว่าวัย สามารถแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุดด้วยการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ซึ่งมีหลายเทคนิค แพทย์จะประเมินว่าผู้รับบริการแต่ละท่านเหมาะกับเทคนิคไหน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด
- ฟิลเลอร์ปาก สำหรับท่านที่อยากเปลี่ยนทรงปาก มีริมฝีปากบางเกินไป มีริ้วรอยบริเวณขอบปาก ปากแห้ง สามารถใช้การเติมฟิลเลอร์ปากช่วยได้ โดยไม่ต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์มากก็สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจน
- ฟิลเลอร์ขมับ การเติมฟิลเลอร์ขมับ คือจุดสำคัญในการปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนเข้ารูปมากขึ้น และเป็นที่นิยมสำหรับคนที่ต้องการเสริมโหงวเฮ้ง ไม่ว่าด้านการค้าขายหรือธุรกิจ เพราะมีความเชื่อว่าจะทำให้รับทรัพย์มากขึ้น มีคนอุปถัมภ์ค้ำชู หรือประสบความสำเร็จในเรื่องทรัพย์สินเงินทองโชคลาภ
- ฟิลเลอร์หน้าผาก การเติมฟิลเลอร์หน้าผาก ก็เป็นอีกส่วนที่ช่วยในการปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนสวยงาม เป็นที่นิยมในผู้ที่ต้องการเสริมโหงวเฮ้งและไม่อยากผ่าตัด ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและเห็นผลทันทีหลังทำ
- ฟิลเลอร์จมูก เหมาะกับผู้ที่กลัวการผ่าตัดมากๆ และไม่มีเวลาหรือไม่สะดวกที่จะพักฟื้นภายหลังการผ่าตัด หากต้องการฉีดฟิลเลอร์จมูกต้องมีฐานจมูกอยู่บ้างแล้ว การฉีดเพื่อให้สันจมูกหรือปลายจมูกคมขึ้นเพียงเล็กน้อย จะให้ผลลัพธ์ที่ดูสวยเป็นธรรมชาติที่สุด
ข้อควรรู้ ก่อนฉีดฟิลเลอร์และหลังฉีดฟิลเลอร์ ควรดูแลตัวเองอย่างไร?
ข้อควรปฏิบัติก่อนฉีดฟิลเลอร์
-
- ศึกษาข้อมูลที่จำเป็น ทั้งการเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน การเลือกหมอ เทคนิคในการทำ รวมไปถึงวิธีการสังเกตฟิลเลอร์แท้แต่ละยี่ห้อ เพื่อความปลอดภัยและมั่นใจว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีและคุ้มค่า
- มียาและวิตามินบางชนิดที่ควรงดก่อนฉีดฟิลเลอร์ เช่น แอสไพริน NSAIDs วิตามิน St. Johns Wort, ginko biloba, primrose oil, garlic, ginseng และ Vitamin E
- งดยาผลัดเซลล์ผิว การดึงหรือโกนขนบริเวณที่จะฉีดฟิลเลอร์
- งดคอร์สเลเซอร์และนวดหน้าอย่างน้อย 3 วัน ก่อนฉีด และหลังฉีดฟิลเลอร์ให้งดไปอีก 2 สัปดาห์
- หากมีโรคประจำตัวหรือยาที่ต้องรับประทานประจำควรแจ้งแพทย์ก่อนทำทุกครั้ง
- แพทย์จะพิจารณาให้กินยาห้ามเลือดหรือฉีดยาลดบวมในบางเคส เพื่อลดความเสี่ยงในการบวมช้ำ อักเสบติดเชื้อ
- สามารถแจ้งเพื่อขอแปะยาชาก่อนฉีดฟิลเลอร์ได้และหมอจะฉีดยาชาในจุดนั้นๆ ให้ด้วย
- หากมีโรคประจำตัวหรือยาที่รับประทานเป็นประจำควรเตรียมข้อมูลไว้ให้ครบเพื่อแจ้งแพทย์ให้ทราบก่อนที่จะพิจารณาทำ หัตถการ
ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์
-
- หลีกเลี่ยงการแตะ แกะ เกาและกดนวดในจุดที่ฉีด อาจมีอาการบวมแดงหรือเขียวช้ำเป็นปกติ จะค่อยๆ ดีขึ้นใน 2-3 วัน (หากหลังจาก 3 วันไปแล้ว มีอาการบวมมากขึ้นให้ติดต่อกลับมาที่คลินิกเพื่อให้แพทย์ประเมินซ้ำ)
- หากก่อนทำไม่ได้กินยาฆ่าเชื้อ หลังทำควรรีบกินยาฆ่าเชื้อทันที นอกจากนี้ ยังมียาแก้ปวดและลดบวมกลับไปให้รับประทานอีกด้วย
- ควรอยู่ในที่อากาศเย็น หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดงอย่างน้อย 48 ชั่วโมง เช่น ซาวน่า ออกกำลังกายหนัก ตากแดด ทำงานกลางแจ้ง
- ให้งดเลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึกทุกชนิดอย่างน้อย 1 เดือน
- อย่าขยับผิวในจุดที่ทำมากโดยเฉพาะช่วง 3 วันแรก เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนได้
- ควรงดทานอาหารบางอย่างที่ส่งผลต่อการอักเสบ บวมและทำให้ฟิลเลอร์เข้าที่ช้า ดังนี้
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
- อาหารที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อนๆ หมูกระทะ ชาบู จิ้มจุ่ม หรือ สุกี้
- อาหารหมักดอง อาหารที่เผ็ดมากๆ จนหน้าแดง อาหารหวานจัดและอาหารดิบจากร้านที่ไม่สะอาด
- งดสูบบุหรี่ เพราะจะทำให้ยุบบวมช้าและส่งผลการรักษาอยู่ได้สั้นลงด้วย
สาระน่ารู้
- ใน particle ของฟิลเลอร์ โมเลกุลของฟิลเลอร์จะค่อยๆ สลายไปและถูกแทนที่ด้วยโมเลกุลของน้ำ เป็นการสลายแบบ Isovolumetric degradation (แม้ฟิลเลอร์จะสลายไปบางส่วนแต่ก็จะยังมีปริมาตรเท่าเดิมได้ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำที่เราดื่ม) ซึ่งถ้าขาดน้ำขนาด particle ก็จะเล็กลง และเพิ่มอัตราการสลายแบบทวีคูณ ดังนั้น การดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอตามปกติวันละ 1.5-2 ลิตร เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นาน
- ลักษณะ particle ของฟิลเลอร์ชนิด HA จะคล้ายกับวุ้นใสๆ สามารถสลายกลายเป็นน้ำได้ 100% เมื่อเวลาผ่านไป 1-2 ปี
ข้อห้ามในการฉีดฟิลเลอร์ (Contraindication)
- มีภาวะอักเสบติดเชื้อที่ผิวหนังบริเวณที่จะฉีด
- เคยมีประวัติแพ้ส่วนประกอบของฟิลเลอร์ที่วินิจฉัยว่าแพ้โดยแพทย์ อาการข้างเคียงไม่ใช่อาการเดียวกันกับอาการแพ้
- หากมีประวัติแพ้ยาชา ควรแจ้งแพทย์เพื่อเพิ่มความระมัดระวังในการใช้ยาชา
- หากเคยมีประวัติภาวะเลือดหยุดยาก ต้องแจ้งประวัติให้แพทย์ทราบเพื่อใช้ดุลยพินิจเป็นกรณีพิเศษ
- ห้ามทำในหญิงตั้งครรภ์
- ในกรณีให้นมบุตรควรปรึกษาสูติแพทย์ที่ดูแลก่อนทำ
- ในคนไข้ที่เคยมีประวัติเป็นเริมที่ปากและต้องการฉีดฟิลเลอร์ปาก ต้องปรึกษาแพทย์เพื่อกินยาป้องกันก่อนฉีด
คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับฟิลเลอร์
หลังฉีดฟิลเลอร์จะค่อยๆ หายบวมภายในเวลาประมาณ 4-5 วัน และเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนเข้าที่ประมาณ 2-3 สัปดาห์
หลังจากฉีดฟิลเลอร์แล้วอาจมีผลข้างเคียงจากการฉีดได้ เช่น ผื่นหรือจุดแดงบริเวณรอยเข็ม ซึ่งจะหายไปเอง นอกจากนี้อาจมีอาการบวมหลังฉีดเป็นเรื่องปกติ หากมีอาการปวด คนไข้สามารถทานยาแก้ปวดได้ตามอาการ
หลังฉีดฟิลเลอร์ สามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ แต่ต้องงดทาครีมบริเวณรอยเข็ม 1 คืน งดนวดหน้า หรือ ทรีทเม้นท์ 14 วัน พยายามอยู่แต่ในที่อากาศเย็นสบาย สามารถประคบเย็นตามวิธีที่แพทย์แนะนำ