เป็นวิธีศัลยกรรมความงามที่นำเอาส่วนของพลาสมาที่มีเกล็ดเลือดสูง (Platelet Rich Plasma ; PRP) มาฉีดที่บริเวณใบหน้าใบชั้นใต้ผิว (Intra-Dermal) ทำให้ผิวหน้าหน้ากลับมาฟูสวยฉ่ำเสมือนการฉีดฟิลเลอร์ แต่เปลี่ยนจากฟิลเลอร์มาเป็นพลาสม่าของตนเอง

คุณสมบัติพิเศษของ PRP Therapy

  1. ช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูผิวหนัง โดยการกระตุ้นการสร้างคอลาเจนและ Hyarulonic Acid ในชั้นใต้ผิว จึงช่วยเพิ่มเนื้อเยื่อและเส้นใยที่ยืดหยุ่น กระตุ้นการซ่อมแซมลึกถึงระดับกล้ามเนื้อ เอ็น กระดูก ผิวหนังจึงเรียบตึง ลดริ้วรอยเหี่ยวย่น รอยดำ รอยแผลเป็นและรอยสิว ทำให้ผิวหนังกลับมามีสุขภาพดีและโครงสร้างใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์ขึ้น
  2. เกล็ดเลือดเต็มไปด้วยโมเลกุล Growth Factor ทำหน้าที่ป้องกันอันตรายจากการบาดเจ็บต่าง ๆ เช่น เมื่อโดนมีดบาดและมีเลือดออก เกล็ดเลือดรีบออกมาเกาะกลุ่มเพื่อปิดปากแผลและป้องกันแผลจากเชื้อโรคภายนอก นอกจากนี้ ยังช่วยซ่อมแซมแผลและป้องกันการอักเสบ โดยกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อและสเต็มเซลล์ เมื่ออายุมากขึ้นผิวหนังจะเกิดการเสื่อมสภาพ เหี่ยวย่นและมีโพรงใต้ผิวหนัง ถ้าฉีดเกล็ดเลือดเข้าไปในใต้ผิวหนัง จะทำหน้าที่เข้าไปเติมเต็มและยกกระชับผิวที่เป็นโพรงที่เป็นสาเหตุของริ้วรอยและหลุม แล้วกระตุ้นการสร้างคอลาเจนและเม็ดสีทำให้ผิวเรียบเนียนสม่ำเสมอ
  3. ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนหรือการแพ้ มีเพียงอาการบวมเพียงเล็กน้อยหลังการฉีดเท่านั้น และจะหายบวมภายในไม่เกิน 2-3 วันหลังการฉีด

PRP Therapy เหมาะกับใคร ?

  • ผู้ที่ผิวมีความยืดหยุ่นน้อย เนื่องจากคอลลาเจนและอีลาสตินลดลง
  • ผู้ที่มีปัญหาใต้ตาคล้ำ ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก หนวดแมวบนใบหน้า
  • ริ้วรอย ไม่ว่าจะเป็นผิวหน้าในบริเวณหางตา หน้าผาก หรือ ลำคอ
  • แผลเป็น รอยสิว ผิวหน้าแห้ง ขาดความชุ่มชื่น
  • รอยหลุม ลึก บนใบหน้า

วิธีการการเตรียมตัวก่อนทำ PRP Therapy

  • นอนพักผ่อนอย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง
  • ดื่มน้ำให้มาก ๆ ประมาณ 2 ลิตร/วัน
  • ควรได้รับวิตามินซีต่อเนื่องประมาณ 1-2 สัปดาห์ก่อนมาทำหัตถการเพื่อเสริมประสิทธิภาพในการสร้างคอลลาเจน
  • งดการใช้ยาในกลุ่ม ASA หรือ NSIAD 2-3 วัน ก่อนมาหัตถการ
  • งดแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2-3 วัน ก่อนมาหัตถการ

ขั้นตอนและวิธีการทำ PRP Therapy

  1. แพทย์ประเมินสภาพปัญหา ใบหน้าและตำแหน่งต่าง ๆ บนใบหน้า อภิปรายปัญหาและทำความเข้าใจกับผู้รับบริการ
  2. ทำความสะอาดใบหน้าให้สะอาด ทายาชาหรืออาจมีการฉีดยาชาสำหรับบางตำแหน่ง
  3. เตรียม PRP โดยการเก็บตัวอย่างเลือด ประมาณ 15-20 cc นำเลือดมาทำการสกัดผ่านการใช้เครื่อง Centrifuge เพื่อให้ได้ส่วนของพลาสมาที่มีเกล็ดเลือดที่เข้มข้นและสมบูรณ์ที่สุด
  4. จะได้ส่วนที่เป็น PRP ประมาณ 5-7 cc แล้วนำมาฉีดเข้าไปในบริเวณที่ต้องการแก้ไข บางครั้งอาจทำร่วมกับการฉีด Hyarulonic acid ซึ่งจะช่วยเสริมประสิทธิภาพในการฟื้นฟูผิวหน้า การฉีดนี้คล้ายคลึงกับวิธีการฉีดโบท๊อกหรือฟิลเลอร์ที่ใช้เวลาไม่นาน
  5. สามารทิ้ง PRP ไว้บนใบหน้าตลอดทั้งคืนเพื่อให้ได้ผิวหน้าใหม่ที่สดใสดูอ่อนเยาว์
  6. ระยะเวลาพักฟื้น ผิวหนังอาจมีการบวมตึงเล็กน้อย ซึ่งอาจใช้เวลาพักฟื้น 2-3 วัน

ผลข้างเคียงจากการทำ PRP Therapy

โดยปกติการทำ PRP นั้นแทบจะไม่มีความเจ็บปวดเลย ในขั้นตอนการฉีด PRP เข้าใต้ผิวหนังจะคล้ายกับการฉีดเมโส อาจจะรู้สึกแสบเล็กน้อยขณะที่แพทย์ปล่อยยา หาก PRP มีการสัมผัสกับผิวหนังโดยตรงอาจรู้สึกอุ่น ๆ เล็กน้อย จะหายไปภายใน 10-15 นาที

ระยะเวลาที่ใช้ในการทำ PRP Therapy

โดยปกติการฉีด PRP ใต้ผิวหนังจะใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที  โดยจะแปะยาชาเป็นเวลา 45 นาที และการฉีด PRP จะใช้เวลา 10-15 นาที

ระยะเวลาเห็นผลหลังการทำ PRP Therapy

กระบวนการกระตุ้นการสร้างคอลาเจนตามธรรมชาติจะค่อย ๆ เห็นผล และจะเห็นผลเต็มที่ภายใน 3 เดือน  ควรฉีดซ้ำ 2-3 ครั้ง โดยเว้นระยะห่าง 4-6 สัปดาห์เพื่อให้ผลในการรักษามีประสิทธิภาพเต็มที่ สำหรับผิวที่มีริ้วรอยจำนวนมากและมีร่องลึก อาจต้องฉีดซ้ำ 4-6 ครั้ง  โดยจะสามารถอยู่ได้นาน 12-18 เดือน


PRP Therpy ทางเลือกหน้าใส ที่ไม่เสี่ยงต่อการแพ้ เพราะใช้พลาสมาแท้ ๆ ของตนเอง ผลข้างเคียงน้อย ปลอดภัยสูง หัตถการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เท่านั้น

@midiclinic มีดีคลินิก

ใบหน้าที่อ่อนเยาว์…เราออกแบบได้