โบท็อกซ์คืออะไร?

“โบท็อกซ์” เป็นชื่อทางการค้าของ โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum toxin type A) ซึ่งเป็นสารสกัดจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) เมื่อฉีดไปแล้วจะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (Neurotoxin) มีผลทำให้มัดกล้ามเนื้อทำงานได้ลดลงชั่วคราว ส่งผลช่วยลดเลือนริ้วรอยได้ จึงถูกนำมาใช้ในวงการเสริมความงาม

การฉีดโบท็อก (Botox) จะช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า ลดรอยเหี่ยวย่นของผิวหนังบริเวณหน้าผาก หางตา และลดริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงอารมณ์ต่าง ๆ ช่วยทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์มากขึ้น นอกจากนี้ การฉีดโบท็อกซ์ยังช่วยกระชับกรอบหน้า ทำให้ใบหน้ากลับมาเต่งตึงและกระชับขึ้น หรือถ้าฉีดบริเวณกรามก็จะทำให้กล้ามเนื้อกรามมีขนาดเล็กลงและรูปหน้าเรียวลง ยังสามารถนำโบท็อกซ์มาช่วยลดเหงื่อ ลดขนาดกล้ามเนื้อแขนและกล้ามเนื้อน่องได้ด้วย หัตถการโบท็อกซ์เหมาะกับคนที่ต้องการปรับรูปหน้าแบบไม่ให้หน้าเปลี่ยนไปมาก ยังเหมือนเดิมแต่สวยขึ้น กระชับขึ้น

ตำแหน่งที่นิยมในการฉีดโบท็อกซ์ ได้แก่ ริ้วรอยหน้าผาก หางตา ลดกราม ลิฟต์กรอบหน้า หว่างคิ้ว มุมปาก ปีกจมูก เป็นต้น

การออกฤทธิ์ของโบท็อกซ์เป็นอย่างไร?

โบท็อกซ์เป็นโปรตีนน้ำใส ๆ เมื่อฉีดเข้าสู่บริเวณกล้ามเนื้อจะแยกเป็น 2 ส่วน คือ

  1. ส่วนที่ถูกดูดซึมเข้าไปเก็บไว้ในเซลล์ประสาท เป็นส่วนที่จะออกฤทธิ์และถ้าส่วนนี้มีความเข้มข้นสูงก็จะทำให้โบท็อกซ์อยู่ได้นานขึ้น การทำงานของโบท็อกซ์จะไปรบกวนการทำงานของระบบประสาท มีผลทำให้มัดกล้ามเนื้อทำงานลดลงชั่วคราว ผิวหนังก็จะตึงขึ้น ไม่เกิดรอยพับ
  2. ส่วนที่ไม่ถูกดูดซึม ส่วนนี้จะปลิวไปตามกระแสเลือดในระยะเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงหลังฉีด และถูกขับออกไปโดยไม่ส่งผลต่อเซลล์อื่นในร่างกาย

หลังจากนั้น โบท็อกซ์จะค่อย ๆ ออกฤทธิ์จนเห็นผลชัดเจน และสลายไปเอง 100% ตามระยะเวลาและประสิทธิภาพในการออกฤทธิ์ของโบท็อกซ์ยี่ห้อนั้น ๆ

ควรฉีดโบท็อกซ์ยี่ห้อไหนดี?

โบท็อกซ์มีหลายยี่ห้อจากหลายประเทศ ยี่ห้อของโบท็อกหลัก ๆ ได้แก่

  • โบท็อกซ์เกาหลี ได้แก่ ยี่ห้อNeuronox, Botulax, Nabota
  • โบท็อกซ์อเมริกา ได้แก่ ยี่ห้อ Allergan
  • โบท็อกซ์อังกฤษ ได้แก่ ยี่ห้อ Dysport
  • โบท็อกซ์เยอรมัน ได้แก่ ยี่ห้อXeomin

โบท็อกซ์แต่ละยี่ห้อ แต่ละประเภทจะมีระยะเวลาออกฤทธิ์อยู่ได้ภายในร่างกายของคนเราไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติ กรรมวิธีการทำตัวยาให้บริสุทธิ์ ชนิดของโปรตีนคอมเพล็กซ์ หรือขนาดของโมเลกุลคอมเพล็กซ์ที่นำมาใช้ในการผลิต ขนาดของโมเลกุลจะมีผลต่อการกระจายของตัวยามากที่สุด คือ ถ้าออกแบบให้กระจายตัวแคบผลกการฉีดก็จะแม่นยำตรงจุด ถ้าออกแบบให้กระจายตัวกว้างก็จะเหมาะกับผู้ที่ต้องการเห็นผลรวดเร็วและฉีดตำแหน่งที่เป็นบริเวณกว้าง เช่น น่อง หรือ ต้นแขน

วิธีการปฏิบัติตัวก่อนการฉีดโบท็อกซ์

  • เลือกใช้โบท็อกซ์แท้เท่านั้น
  • ก่อนฉีดควรให้แพทย์ผสมโบท็อกซ์ให้ดูต่อหน้าทุกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้เจือจางน้ำเกลือมากเกินไป
  • ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและหมอที่มีประสบการณ์
  • ไม่ควรฉีดโบท็อกเกิน 300 ยูนิต ต่อครั้ง
  • ระหว่างการฉีดควรประคบด้วยความเย็น เพื่อลดการไหลเวียนของเส้นเลือดรอบ ๆ บริเวณ

วิธีการปฏิบัติตัวหลังการฉีดโบท็อกซ์

  • หลังฉีดโบท็อกซ์ควรรีบขยับเกร็งกล้ามเนื้อที่ฉีดทันที 1-2 ครั้ง
  • งดนอนราบ 3 ชั่วโมง
  • หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด หมูกระทะ ปิ้งย่าง ชาบู หรืออาหารที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อน ๆ
  • หากมีคอร์สทำหน้าหรือนวดหน้า ควรงด 2 สัปดาห์หลังการฉีดโบท็อกซ์

ข้อควรพึงระวังในการฉีดโบท็อกซ์

เนื่องจากการฉีดโบท็อกซ์กำลังได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบัน เนื่องจากเห็นผลชัดเจน ราคาไม่แพง โดยโบท็อกซ์สามารถออกฤทธิ์อยู่ได้นาน 4-6 เดือน เพื่อให้ผู้รับบริการได้รับความคุ้มค่ามากที่สุด ทางมีดีคลินิกจึงจัดเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับข้อควรพึงระวังในการฉีดโบท็อกซ์และขั้นตอนวิธีปฎิบัติตัวก่อนฉีดและหลังฉีดโบท็อกซ์ โดยแบ่งตามช่วงระยะเวลา ข้อมูลเหล่านี้อ้างอิงตามงานวิจัย บทความวิชาการและแพทย์ศัลยกรรมความงามที่เชี่ยวชาญ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้รับบริการทุกคน

ข้อควรพึงระวังในการฉีดโบท็อกซ์มีดังนี้

  1. ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ ในการประเมินกล้ามเนื้อทุกมัด การวัดความลึกและตำแหน่งของมัดกล้ามเนื้อ การคะเนจุดที่เซลล์เส้นประสาทมาเกาะกล้ามเนื้อ ทั้งหมดนี้ต้องทำด้วยความแม่นยำ เพราะถ้าหากฉีดไม่ตรงจุด อาจได้ผลช้าและอยู่ได้ในระยะเวลาสั้นกว่าที่ควรจะเป็น เพราะต้องรอโบท็อกซ์แพร่กระจายจากจุดที่ฉีดมายังส่วนปลายของเซลล์ประสาท
  2. ในการฉีดแต่ละครั้งไม่ควรใช้จำนวนมากเกินกว่า 300 ยูนิต เพราะจะเพิ่มโอกาสที่ร่างกายจะสร้างภูมิต้านทานได้ง่ายขึ้นซึ่งจะทำให้เกิดการดื้อโบท็อกซ์ได้ง่าย ทั้งนี้แพทย์จะเป็นผู้ประเมินขนาดที่เหมาะสมสำหรับแต่ละจุดและให้คำแนะนำแก่ผู้รับบริการ
  3. ระหว่างการฉีดควรประคบด้วยความเย็นเพื่อลดการไหลเวียนของเส้นเลือดรอบๆบริเวณที่ฉีด จะทำให้โบท็อกซ์อยู่เฉพาะจุดที่แพทย์ต้องการและจะไม่ปลิวออกไปสู่กระแสเลือด

ควรปฎิบัติตัวแบบไหนเพื่อให้โบท็อกซ์สลายตัวช้าที่สุด

  1. หลังฉีดโบท็อกทันทีในแต่ละบริเวณ ควรรีบขยับเกร็งกล้ามเนื้อที่ฉีดทันที 1-2 ครั้ง และหลังจากฉีดเสร็จทั้งหมด ควรบริหารกล้ามเนื้อทั้งหมดที่ฉีดเป็นเวลา 20-30 นาที เพื่อให้โบท็อกซ์ถูกเซลล์ประสาทดูดเข้าไปให้มากที่สุด เหลือส่วนที่จะปลิวไปน้อยที่สุด แต่ช่วงหลังฉีดที่ขยับกล้ามเนื้อ ก็ไม่ควรประคบเย็นเพราะจะขัดขวางการดูดโบท็อกซ์เข้าเซลล์ประสาท หลังจากนั้น เพื่อให้โบท็อกซ์สามารถอยู่ได้นานและคุ้มค่าที่สุด ให้พยายามเปลี่ยนนิสัยในการขยับกล้ามเนื้อจุดนั้น ๆ ให้น้อยลง เช่น พยายามไม่เคี้ยวอาหารเหนียวๆ โดยไม่จำเป็น เพราะการที่เรากระตุ้นกล้ามเนื้อบ่อย ๆ จะทำให้เซลล์เส้นประสาทงอกขึ้นมาใหม่ได้ ถึงแม้โบท็อกซ์จะยังไม่หมดฤทธิ์ แต่เซลล์ประสาทที่งอกใหม่ก็จะสามารถทำให้ขยับกล้ามเนื้อได้ อีกทั้งการขยับกล้ามเนื้อยังเป็นการเพิ่มการไหลเวียนกระแสเลือดในบริเวณนั้นๆ ทำให้โบท็อกซ์ส่วนที่ถูกเก็บไว้ในเซลล์ประสาทมีโอกาสสลายไปได้เร็วขึ้น
  2. หลังฉีดโบท็อกซ์ควรงดนอนราบเป็นเวลา 3 ชั่วโมง อาจมีอาการใบหน้าบวมเล็กน้อยได้เป็นอาการปกติ ห้ามแคะแกะเกาหรือนวดบริเวณที่ฉีด
  3. งดการก้มหัวลงต่ำกว่าระดับหัวใจ เพราะจะทำให้เลือดไหลเวียนมาที่หน้าเยอะขึ้น โบท็อกซ์จะปลิวไปกับกระแสเลือดได้มากขึ้น
  4. โบท็อกซ์ส่วนที่อยู่ในเซลล์ประสาทจะทำหน้าที่ยับยั้งกล้ามเนื้อโดยใช้เวลา 7-14 วัน จะเริ่มเห็นผลการยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อ และความเข้มข้นของโบท็อกซ์จะค่อย ๆ ลดลงตามเวลา ปัจจัยสำคัญที่ทำให้โบท็อกซ์ย่อยสลายไวขึ้น คือ ความร้อน และการไหลเวียนของเลือด จึงควรหลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง โดยเฉพาะในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังฉีด อย่างน้อยที่สุดในช่วง 48 ชั่วโมงแรกหลักการฉีด กิจกรรมที่ควรหลีกเลี่ยงมีดังนี้
  • เข้าซาวน่า ออกกำลังกายหนัก ๆ ตากแดด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • เลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึกทุกชนิด เช่น RF, Thermage
  • นอนคว่ำหรือกิจกรรมที่มีการก้มศีรษะลงต่ำกว่าระดับอก
  • อาหารหมักดอง เพราะมีสารที่ทำให้เส้นเลือดขยายตัว เช่น ปลาร้า หน่อไม้ดอง มะม่วงดอง
  • บุหรี่ เพราะในบุหรี่มีสารหลายชนิดที่ขยายหลอดเลือด
  1. ภายหลัง 2 สัปดาห์ไปแล้วสามารถออกกำลังกายที่เหมาะสมได้ตามปกติ หากมีคอร์สทำหน้า นวดหน้า หรือคอร์สเลเซอร์ที่ต้องทำเป็นประจำ ควรวางแผนทำก่อนการมาฉีดโบท็อกซ์ และงดไปเป็นเวลา 2 สัปดาห์หลังฉีด

ควรฉีดโบท็อกซ์บ่อยแค่ไหน?

เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในเรื่องของการกระชับใบหน้าบริเวณที่ฉีด แก้ไขจุดดบกพร่อง และทำให้ได้รูปหน้าที่สวยงาม ควรฉีดโบท็อกซ์ต่อเนื่องในระยะเวลาที่เหมาะสม ทางมิดีคลินิกมีข้อแนะนำในการตัดสินใจง่าย ๆ มีดังนี้

  • ไม่ฉีดถี่เกินไป อย่างน้อยควรเว้นระยะเวลานานกว่า 3 เดือน
  • ไม่เว้นนานเกินไป คือไม่ควรเว้นนานเกิน 5-6 เดือน เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อกลับมาทำงานตามปกติสภาพก่อนฉีด ซึ่งอาจทำให้ต้องใช้ยูนิตของโบท็อกซ์มากขึ้น

คำแนะนำเพิ่มเติม

  • สามารถทาครีมทับบริเวณรอยเข็มได้และแต่งหน้าทับได้ปกติหลังฉีดโบท็อกซ์ไปแล้ว 48 ชั่วโมง
  • บางคนอาจมีผลข้างเคียงชนิดไม่อันตรายเช่น ปวดหัว ตาพร่า คอแห้ง ซึ่งผลข้างเคียงนี้เป็นเพียงชั่วคราว และจะหายได้เองภายใน 7-14 วัน หากอาการเป็นมาก สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาได้ อาการปวดศีรษะสามารถใช้ความเย็นประคบได้
  • หลังฉีดโบท็อกซ์ไปแล้ว ใบหน้าบวมจะบวมได้เล็กน้อย รอยเขียวช้ำอาจจะยังมีอยู่ และจะค่อยๆ จางลงเองภายใน 14 วัน ไม่ควรประคบร้อนหลังฉีดโบท็อกซ์

โปรโมชั่นพิเศษ (เฉพาะที่มีดีคลินิกเท่านั้น)

“คุณคนเดิม…สวยเพิ่มด้วยโบท็อกซ์จากมีดีคลินิก”

เพราะความงามของคุณ…เราออกแบบได้