นิยามสำคัญของไหมอิตาลี
เป็นไหมที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นไหมยกกระชับใบหน้าระดับพรีเมี่ยม นำเข้าจากประเทศอิตาลี มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูง สลายได้หมด 100% เส้นไหมถูกออกแบบเป็นพิเศษโดยการผสมผสานกันระหว่างวัสดุ PLLA และ PCL ทำให้มีคุณสมบัติกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดีและให้ผลลัพธ์ในระยะเวลาที่ยาวนานกว่าการร้อยไหมที่มีมาก่อนหน้า
ร้อยไหมอิตาลี นวัตกรรมยกกระชับใบหน้ามาตรฐานยุโรป โดยทีมแพทย์มีดีคลินิกที่ผ่านการรับรองและได้รับโล่เกียรติบัตร
คุณสมบัติพิเศษของไหมอิตาลี
- เส้นไหมผลิตจากวัสดุ Poly(L-Latide-co-Caprolactone) เรียกสั้น ๆ ว่า P(LA-CL) มีลักษณะเป็นเงี่ยงแบหันเข้าหากัน ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างวัสดุ PLLA (Poly-L-Lactic Acid) และ PCL (Polycaprolactone) ในอัตราส่วนเฉพาะ โดยที่ PLLA มีจุดเด่นในเรื่องการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ส่วน PCL เด่นเรื่องการคงอยู่ของเส้นไหมได้นานสูงสุดในกลุ่มไหมละลาย คือประมาณ 18-24 เดือน
- ไหมอิตาลีเป็นแบบ Double Needle Technique มีเข็มนำในแต่ละด้านของปลายไหม ปลายเข็มจะคมและลื่นเป็นพิเศษ ทำให้สามารถร้อยในทิศทางที่ต้องการได้สะดวกยิ่งขึ้น ช่วยลดอาการบวมแดงหลังจากการร้อยไหมได้
- การร้อยไหมด้วยไหมอิตาลี จะใช้ไหมเพียงข้างละ 1 เส้นเท่านั้น เทียบเท่ากับการใช้ไหมก้างปลามากกว่า 10 เส้น เพราะไหมอิตาลีถูกออกแบบให้มีลักษณะเป็นเงี่ยงหันเข้าหากัน เมื่อถูกร้อยเข้าใต้ผิวหนังจะสามารถยึดติดกับผิวได้ดี ส่งผลต่อการยกกระชับผิวมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากร้อยไปแล้ว
- ใช้เวลาในการทำ 15-30 นาที รู้สึกเจ็บน้อยกว่าการร้อยไหมแบบปกติ เห็นผลลัพธ์การยกกระชับผิวทันทีหลังทำ ช่วยให้กรอบหน้าชัดเจนขึ้น และยังส่งผลในการยกกระชับผิวระยะยาว ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน กรดไฮยาลูรอนและอิลาสตินได้มากกว่าการร้อยไหมแบบปกติ ยังช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้นอีกด้วย และจะเห็นผลชัดเจนที่สุดหลังจากทำผ่านไปแล้ว 1-2 เดือน ระยะเวลาคงอยู่ของผลลัพธ์การร้อยไหมอิตาลีจะคงอยู่ได้นานมากกว่า 1 ปีขึ้นไป
สรุปคุณสมบัติเฉพาะของไหมอิตาลี
- ยืดหยุ่นและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดีกว่าไหมอื่น ๆ นอกการผลในการยกกระชับแล้วยังช่วยให้ผิวหน้าสดใสขึ้น
- เห็นผลยาวนานถึง 18 – 24 เดือน เห็นผลทันทีหลังร้อยไหม และเมื่อเวลาผ่านไปผลของการยกกระชับยังสามารถค่อย ๆ ยกได้ดีขึ้น ซึ่งแตกต่างจากไหมทั่วไปที่ยกได้มากที่สุดในช่วงแรก ๆ เท่านั้น
- ใช้เทคนิคการร้อยแบบมี Anchoring Point ไหมอิตาลี แตกต่างจากไหมเงี่ยงที่เรารู้จักโดยทั่วไป เพราะออกแบบมาในรูปแบบของ Double Needle คือมีเข็มอยู่ในแต่ละด้านของปลายไหม ทำให้สามารถร้อยได้ในทิศทางที่ต้องการได้สะดวก เป็นเทคนิคการร้อยที่ยึดกับบริเวณผิวหนังชั้นลึกบริเวณที่มี Deep ligament ทำให้มีแรงดึงมากกว่าการร้อยไหมเทคนิคโดยทั่วไป
- เจ็บน้อยและยกกระชับได้นาน ไม่ต้องพักฟื้น เนื่องจากใช้เพียงข้างละ 1 เส้นเท่านั้น ดังนั้น โอกาสที่จะเกิดอาการช้ำเขียวจึงน้อยกว่าไหมเข็มคมก้างปลาที่ร้อยหลาย ๆ เส้น
- ต้องร้อยไหมอิตาลีโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ผ่านการรับรองและมีความชำนาญในการร้อยไหมโดยเฉพาะเท่านั้น