เป็นวิธีศัลยกรรมความงามที่นำเอาส่วนของพลาสมาที่มีเกล็ดเลือดสูง (Platelet Rich Plasma ; PRP) มาฉีดที่บริเวณใบหน้าใบชั้นใต้ผิว (Intra-Dermal) ทำให้ผิวหน้าหน้ากลับมาฟูสวยฉ่ำเสมือนการฉีดฟิลเลอร์ แต่เปลี่ยนจากฟิลเลอร์มาเป็นพลาสม่าของตนเอง
คุณสมบัติพิเศษของ PRP Therapy
- ช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูผิวหนัง โดยการกระตุ้นการสร้างคอลาเจนและ Hyarulonic Acid ในชั้นใต้ผิว จึงช่วยเพิ่มเนื้อเยื่อและเส้นใยที่ยืดหยุ่น กระตุ้นการซ่อมแซมลึกถึงระดับกล้ามเนื้อ เอ็น กระดูก ผิวหนังจึงเรียบตึง ลดริ้วรอยเหี่ยวย่น รอยดำ รอยแผลเป็นและรอยสิว ทำให้ผิวหนังกลับมามีสุขภาพดีและโครงสร้างใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์ขึ้น
- เกล็ดเลือดเต็มไปด้วยโมเลกุล Growth Factor ทำหน้าที่ป้องกันอันตรายจากการบาดเจ็บต่าง ๆ เช่น เมื่อโดนมีดบาดและมีเลือดออก เกล็ดเลือดรีบออกมาเกาะกลุ่มเพื่อปิดปากแผลและป้องกันแผลจากเชื้อโรคภายนอก นอกจากนี้ ยังช่วยซ่อมแซมแผลและป้องกันการอักเสบ โดยกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อและสเต็มเซลล์ เมื่ออายุมากขึ้นผิวหนังจะเกิดการเสื่อมสภาพ เหี่ยวย่นและมีโพรงใต้ผิวหนัง ถ้าฉีดเกล็ดเลือดเข้าไปในใต้ผิวหนัง จะทำหน้าที่เข้าไปเติมเต็มและยกกระชับผิวที่เป็นโพรงที่เป็นสาเหตุของริ้วรอยและหลุม แล้วกระตุ้นการสร้างคอลาเจนและเม็ดสีทำให้ผิวเรียบเนียนสม่ำเสมอ
- ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนหรือการแพ้ มีเพียงอาการบวมเพียงเล็กน้อยหลังการฉีดเท่านั้น และจะหายบวมภายในไม่เกิน 2-3 วันหลังการฉีด
PRP Therapy เหมาะกับใคร ?
- ผู้ที่ผิวมีความยืดหยุ่นน้อย เนื่องจากคอลลาเจนและอีลาสตินลดลง
- ผู้ที่มีปัญหาใต้ตาคล้ำ ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก หนวดแมวบนใบหน้า
- ริ้วรอย ไม่ว่าจะเป็นผิวหน้าในบริเวณหางตา หน้าผาก หรือ ลำคอ
- แผลเป็น รอยสิว ผิวหน้าแห้ง ขาดความชุ่มชื่น
- รอยหลุม ลึก บนใบหน้า
วิธีการการเตรียมตัวก่อนทำ PRP Therapy
- นอนพักผ่อนอย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง
- ดื่มน้ำให้มาก ๆ ประมาณ 2 ลิตร/วัน
- ควรได้รับวิตามินซีต่อเนื่องประมาณ 1-2 สัปดาห์ก่อนมาทำหัตถการเพื่อเสริมประสิทธิภาพในการสร้างคอลลาเจน
- งดการใช้ยาในกลุ่ม ASA หรือ NSIAD 2-3 วัน ก่อนมาหัตถการ
- งดแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2-3 วัน ก่อนมาหัตถการ
ขั้นตอนและวิธีการทำ PRP Therapy
- แพทย์ประเมินสภาพปัญหา ใบหน้าและตำแหน่งต่าง ๆ บนใบหน้า อภิปรายปัญหาและทำความเข้าใจกับผู้รับบริการ
- ทำความสะอาดใบหน้าให้สะอาด ทายาชาหรืออาจมีการฉีดยาชาสำหรับบางตำแหน่ง
- เตรียม PRP โดยการเก็บตัวอย่างเลือด ประมาณ 15-20 cc นำเลือดมาทำการสกัดผ่านการใช้เครื่อง Centrifuge เพื่อให้ได้ส่วนของพลาสมาที่มีเกล็ดเลือดที่เข้มข้นและสมบูรณ์ที่สุด
- จะได้ส่วนที่เป็น PRP ประมาณ 5-7 cc แล้วนำมาฉีดเข้าไปในบริเวณที่ต้องการแก้ไข บางครั้งอาจทำร่วมกับการฉีด Hyarulonic acid ซึ่งจะช่วยเสริมประสิทธิภาพในการฟื้นฟูผิวหน้า การฉีดนี้คล้ายคลึงกับวิธีการฉีดโบท๊อกหรือฟิลเลอร์ที่ใช้เวลาไม่นาน
- สามารทิ้ง PRP ไว้บนใบหน้าตลอดทั้งคืนเพื่อให้ได้ผิวหน้าใหม่ที่สดใสดูอ่อนเยาว์
- ระยะเวลาพักฟื้น ผิวหนังอาจมีการบวมตึงเล็กน้อย ซึ่งอาจใช้เวลาพักฟื้น 2-3 วัน
ผลข้างเคียงจากการทำ PRP Therapy
โดยปกติการทำ PRP นั้นแทบจะไม่มีความเจ็บปวดเลย ในขั้นตอนการฉีด PRP เข้าใต้ผิวหนังจะคล้ายกับการฉีดเมโส อาจจะรู้สึกแสบเล็กน้อยขณะที่แพทย์ปล่อยยา หาก PRP มีการสัมผัสกับผิวหนังโดยตรงอาจรู้สึกอุ่น ๆ เล็กน้อย จะหายไปภายใน 10-15 นาที
ระยะเวลาที่ใช้ในการทำ PRP Therapy
โดยปกติการฉีด PRP ใต้ผิวหนังจะใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที โดยจะแปะยาชาเป็นเวลา 45 นาที และการฉีด PRP จะใช้เวลา 10-15 นาที
ระยะเวลาเห็นผลหลังการทำ PRP Therapy
กระบวนการกระตุ้นการสร้างคอลาเจนตามธรรมชาติจะค่อย ๆ เห็นผล และจะเห็นผลเต็มที่ภายใน 3 เดือน ควรฉีดซ้ำ 2-3 ครั้ง โดยเว้นระยะห่าง 4-6 สัปดาห์เพื่อให้ผลในการรักษามีประสิทธิภาพเต็มที่ สำหรับผิวที่มีริ้วรอยจำนวนมากและมีร่องลึก อาจต้องฉีดซ้ำ 4-6 ครั้ง โดยจะสามารถอยู่ได้นาน 12-18 เดือน