มีดริป…วิตามินผิวเพื่อสุขภาพที่ดีกว่า
(Midrip for More Health)
โดย มีดีคลินิก เท่านั้น
วิตามินผิวสำคัญอย่างไร?
ความไม่สดใสของผิว หรือ ใบหน้าหมองคล้ำ บ่งบอกถึงการถูกทำร้าย ซึ่งอาจเกิดขึ้นเนื่องจากหลายสาเหตุ เช่น แสงแดด สภาพแวดล้อมที่มีมลพิษ อากาศที่แห้งหรือเย็นเกินไปจากการทำงานในห้องแอร์ ความเครียด การสูบบุหรี่ ดื่มสุรา ดื่มน้ำน้อย นอนดึก อายุที่มากเกินไป หรือแม้แต่การใช้เครื่องสำอางค์บางชนิดที่มีสารบางอย่างทำให้เกิดการระคายเคือง นอกจากจะส่งผลเสียต่อสุขภาพผิวแล้วยังส่งผลร้ายต่อภาวะสุขภาพโดยรวมได้ เพราะในสภาวะดังกล่าวร่างกายจะดึงวิตามินเท่าที่มีอยู่ไปใช้ในการต่อต้านอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้น เป็นเหตุให้เกิดการขาดวิตามินโดยไม่รู้ตัว ซ้ำร้ายไปกว่านั้น การขาดวิตามิน หากถูกมองเป็นเรื่องเล็กน้อย จะนำมาซึ่งปัญหาสุขภาพซึ่งมีตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงอ่อนเปลี้ยเพลียแรง เจ็บปวดเรื้อรังหรือแม้กระทั่งเป็นจุดกำเนิดของสารตั้งต้น “มะเร็ง”
“เพราะ…ผิวพรรณภายนอก บ่งบอกสุขภาพภายใน”
วิตามินผิวคืออะไร?
วิตามิน (Vitamin) เป็นสารอินทรีย์ที่ร่างกายต้องการในปริมาณน้อย และไม่สามารถสร้างเองได้ในปริมาณที่เพียงพอ ต้องได้รับจากอาหาร ถึงแม้ว่าร่างกายจะต้องการในปริมาณที่น้อย แต่วิตามินมีความจำเป็นต่อการทำงานของร่างกายอย่างมาก มีบทบาทสำคัญช่วยในกระบวนการการหายใจของเซลล์ การนำโปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรทไปใช้ในการสร้างเนื้อเยื่อและผลิตพลังงานสำหรับการดำรงชีวิต นอกจากนี้ ยังช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง การแข็งตัวของเลือด การสร้างกระดูก การมองเห็นและการทำงานของระบบประสาทอีกด้วย วิตามินจึงเปรียบเสมือนน้ำมันหล่อลื่นในเครื่องยนต์ซึ่งขาดไม่ได้
เกลือแร่ หรือที่เรียกว่า แร่ธาตุ (Mineral) คือ สารประกอบอนินทรีย์ที่ไม่ให้พลังงาน แต่ร่างกายต้องการแม้ในปริมาณที่ไม่มาก แต่ก็ไม่สามารถขาดได้เช่นเดียวกัน เนื่องจากมีความจำเป็นต่อร่างกายที่จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงและช่วยควบคุมการทำงานของส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย โดยจะช่วยควบคุมการทำงานของฮอร์โมน และช่วยรักษาสมดุลของกระบวนการออสโมซิส ที่สำคัญเกลือแร่ยังมีบทบาทสำคัญต่อการทำหน้าที่เพื่อเป็นโครงสร้างของร่างกาย
ส่วนการให้วิตามินผิว หรือการดริปผิว คือ การผสมวิตามินและแร่ธาตุเข้ากับน้ำเกลือในปริมาณที่เหมาะสมเฉพาะ ตามความต้องการของร่างกายแต่ละบุคคล ให้ทางเส้นเลือดเข้าสู่ร่างกายโดยตรง ซึ่งร่างกายจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในทันที
“อาการเจ็บป่วยเรื้อรังบางอย่าง…เกิดจากการขาดวิตามินและแร่ธาตุบางอย่าง ยารักษาโรคอาจจะไม่ใช่คำตอบของทุกอาการ”
การให้วิตามินผิวปลอดภัยหรือไม่ อย่างไร?
เนื่องจากวิตามินและแร่ธาตุที่ใช้ในการดริปผิวสามารถละลายในน้ำได้ดี ภายหลังการแตกตัวและดูดซึมไปใช้อย่างเพียงพอแล้ว ร่างกายจะขับส่วนที่เกินความต้องการออกทิ้งไปตามธรรมชาติผ่านทางปัสสาวะและเหงื่อ การดริปวิตามินจึงปลอดภัยสูง ไม่ส่งผลเสียใด ๆ และมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย ดังนี้
- ร่างกายจะได้รับวิตามินและแร่ธาตุชนิดที่ดูดซึมได้เร็วและนำไปใช้ได้เลย ซึ่งจะต่างกันกับอาหารเสริมวิตามินหรือแร่ธาตุแบบรับประทาน ที่ร่างกายอาจจะรับสูงสุดเพียง 30% ของปริมาณที่รับประทานเข้าไป เพราะวิตามินจะสูญเสียไประหว่างเดินทางผ่านระบบทางเดินอาหาร และวิตามินแบบรับประทานก็มีข้อจำกัดในเรื่องของปริมาณ (Dosage) ต่อครั้งด้วย ดังนั้น การให้วิตามินและแร่ธาตุผ่านทางเส้นเลือด จึงเป็นวิธีที่ร่างกายจะรับสารอาหารที่มีประโยชน์ได้เร็วและมากที่สุด คือ ได้ถึงประมาณ 90%
- สามารถแทรกซึมเข้าสู่เซลล์และนำไปใช้ประโยชน์ได้ทันที
- เพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกายและลดความรุนแรงของอาการป่วย
- ทำให้ผิวขาวกระจ่างใส สุขภาพผิวสมบูรณ์ ชะลอการแก่ของผิว และลดอายุผิว
- ลดอาการเหนื่อยล้าจากการใช้ชีวิตประจำวันและการทำงาน
- ลดความเครียดและทำให้เกิดการผ่อนคลายทันทีหลังจากได้รับวิตามิน
- ทำให้ร่างกายฟื้นฟูสภาพได้ดีภายหลังจากใช้งานอย่างหนัก หลังการออกกำลังกายหรือการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ
- ไม่มีผลข้างเคียงกับระบบทางเดินอาหารเหมือนกับการรับประมาณวิตามินหรือแร่ธาตุบางตัวที่ทำให้ท้องอืด
“วิตามินและแร่ธาตุจากมีดีคลินิถูกควบคุมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จึงมีความปลอดภัยสูง”
การให้วิตามินผิวเหมาะกับใครบ้าง?
การให้วิตามินผิวหรือการดริปผิว เหมาะกับผู้ที่มีอาการหรือปัญหาสุขภาพหลากหมายชนิด รวมทั้งผู้ที่ยังไม่มีปัญหาสุขภาพก็สามารถรับวิตามินเพื่อป้องกันการเจ็บป่วยได้ เพราะภูมิต้านทานที่ดีจะนำไปสู่สุขภาพร่างกายที่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคได้ จึงไม่ป่วยเลยหรือหากมีการเจ็บป่วย คนที่ไม่ขาดวิตามินจะสามารถ วิตามินและแร่ธาตุที่เลือกใช้จึงเหมาะสำหรับท่านเหล่านี้
- บุคคลทั่วไปที่ต้องการดูแลสุขภาพ
- บุคคลทั่วไปที่ต้องการดูแลผิวพรรณ ให้มีสุขภาพดี ดูกระจ่างใส
- ท่านที่มักมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ล้า ขาดความสดชื่นกระปรี้กระเปร่า
- ท่านที่มีอาการขาดวิตามิน เช่น มีอาการ ปากแห้ง ปากเปื่อย มีแผลที่มุมปาก เบื่ออาหาร ผิวแห้งกร้าน ผิวหนังอักเสบ เส้นผม และเล็บเปราะบางแตกง่าย
- ช่วยฟื้นฟูในท่านที่มีอาการไข้หวัด เหนื่อยล้าจากการเดินทาง เจ็ตแล็ก (Jet lag) โรคภูมิแพ้ หวัด หรือ หอบหืด (Asthma)
ขั้นตอนการให้วิตามินผิว เป็นอย่างไร?
ขั้นตอนการให้วิตามินผิวมีความสะดวกสบายและไม่ยุ่งยาก ทางมีดีคลินิกมีลำดับขั้นตอนการดูแลผู้รับบริการที่เข้ารับวิตามินผิวดังนี้
- ผู้รับบริการทุกรายจะต้องได้รับการตรวจประเมินและซักประวัติทางสุขภาพโดยแพทย์ และรับคำแนะนำเพื่อเลือกสูตรวิตามิน สูตรการผสมวิตามินและแร่ธาตุจะมีการปรับใช้ให้เหมาะสมเป็นรายบุคล
- แพทย์หรือพยาบาลจะทำการเตรียมวิตามินด้วยเทคนิคปราศจากเชื้อตามสูตรที่แพทย์ระบุไว้
- เมื่อเตรียมวิตามินเสร็จเรียบร้อยแล้ว แพทย์หรือพยาบาลจะทำการเปิดเส้นเลือดและเริ่มดริปวิตามินภายในระยะเวลาที่แพทย์กำหนด โดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 20-60 นาที ขึ้นอยู่กับชนิดและปริมาณของวิตามินและแร่ธาตุที่ใช้
- ระหว่างการรับวิตามินผิว พยาบาลจะติดตามประเมินสภาพทั่วไป ประเมินตำแหน่งที่แทงเส้น ประเมินการหยดของสารละลาย ตรวจวัดสัญญาณชีพ สอบถามอาการ การเปลี่ยนแปลงต่างๆ และความรู้สึกของผู้รับบริการเป็นระยะ ๆ ทุก 15-20 นาที
- ภายหลังการรับวิตามินเสร็จเรียบร้อย แนะนำให้ผู้รับบริการนั่งพักที่คลินิกเป็นเวลาประมาณ 10-15 นาที
วิตามินผิวเพื่อสุขภาพที่ดีกว่า คืออะไร?
ตอบคำถามยอดนิยม เรื่อง ``วิตามินผิว``
มักจะเริ่มสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกที่รับวิตามิน แต่จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนขึ้นในครั้งที่ 3 – 5 ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล เนื่องจากสภาพผิวเดิม สุขภาพผิวหรือความสามารถในการดูดซึมวิตามินที่แตกต่างกันค่ะ
ขึ้นอยู่กับความถี่ใน ความสม่ำเสมอและจำนวนครั้งในการฉีด การได้รับวิตามินมากกว่าย่อมให้ผลที่ดีกว่า โดยทั่วไป แนะนำให้รับวิตามิน 1-2 ครั้ง/สัปดาห์ สำหรับวิตามินของทางมีดีคลินิก ควรมารับการกระตุ้นเป็นรอบๆ แต่ละคอร์สห่างกัน 2-3 เดือน เพื่อสุขภาพผิวและภาวะสุขภาพโดยรวมที่ดีกว่าอย่างยั่งยืน ร่างกายจะมีภูมิต้านทานที่ดีอย่างต่อเนื่องค่ะ
การให้วิตามินผ่านทางเส้นเลือด อาจมีความเสี่ยงเกี่ยวกับการติดเชื้อหรือฟองอากาศ เช่นเดียวกับการฉีดยาเข้าเส้นเลือด แต่หากเป็นสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานและปฏิบัติโดยแพทย์และพยาบาลอย่างถูกต้องด้วยเทคนิคปราศจากเชื้อ ก็จะสามารถป้องกันความเสี่ยงเหล่านี้ได้ หากมีการเติมส่วนของแร่ธาตุด้วย แพทย์จะคำนวณและใช้ขนาดที่ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีประวัติแพ้ยาหรือประวัติโรคไตควรแจ้งแพทย์ให้ทราบทุกครั้งนะคะ