สาระน่ารู้

วิธีรับมือกับ “สิวฮอร์โมน”

วิธีกำจัดสิวฮอร์โมน

สิวฮอร์โมน เป็นปัญหากวนใจวัยรุ่นทั้งชายและหญิง และยิ่งไปกว่านั้นก็เป็นโจทย์ยากสำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองในการพาลูกติดตามการรักษากับคุณหมอผิวหนัง แต่บ่อยครั้งที่การรักษาไม่ได้ผลหรือไม่ได้คำตอบ เรามาดูกันนะคะว่า มีปัจจัยอะไรบ้างที่ควรใส่ใจ!

สิวฮอร์โมน เกิดจากอะไร ?

สิวฮอร์โมน มีสาเหตุมาจากความไม่สมดุลของฮอร์โมนภายในร่างกายทั้งฮอร์โมนเพศชายและเพศหญิง และมักมีความสัมพันธ์กับการมีประจำเดือนที่ผิดปกติ ภาวะเครียด สภาพอารมณ์แปรปรวนหรือหงุดหงิดง่าย กลไกการเกิดสิวที่มีความสัมพันธ์กับฮอร์โมนยังไม่ทราบแน่ชัด แต่พบว่าฮอร์โมนเพศชาย ที่ชื่อว่า แอนโดรเจน (Androgen) ที่มากเกินไป จะส่งผลต่อร่างกายทำให้ผิวมัน รูขุมขนกว้างและขนดก อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยกระตุ้นสิวฮอร์โมนจากภายนอก เช่น แสงแดด ฝุ่นควันและมลภาวะต่าง ๆ

ลักษณะของสิวฮอร์โมน

ลักษณะของสิวฮอร์โมนจะเป็นสิวอักเสบ ตุ่มแดงขนาดใหญ่ อาจมีอาการสิวเห่อขึ้นบริเวณรอบปาก คาง และแก้ม มักจะเป็นมากในช่วงก่อนมีประจำเดือนในเพศหญิง ส่วนในเพศชายมักพบได้ทุกช่วงเริ่มต้นเข้าสู่วัยรุ่น มักพบบริเวณแผ่นหลังและหน้าอกร่วมด้วย

วิธีรับมือกับ “สิวฮอร์โมน”

สิวฮอร์โมน เป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจและเตรียมตัวรับมืออย่างดี เพราะถ้าหากเป็นแล้วและปล่อยให้ลุกลาม ผลเสียที่ตามมาไม่ใช่แค่เรื่องบุคลิกภาพที่ดูไม่ดี แต่ยังทำลายความมั่นใจของวัยรุ่นและพ่อแม่ ซึ่งจะในทางลบต่อโอกาสในการพัฒนาตนเองในหลาย ๆ เรื่อง ได้เช่นกัน ทีมแพทย์มีดีคลินิกแนะนำควรปฏิบัติดังนี้ เพื่อรับมือกับสิวฮอร์โมน

  1. ล้างหน้าให้สะอาดวันละ 2 ครั้ง ตอนเช้าและตอนเย็นด้วยสบู่หรือโฟมล้างหน้าที่อ่อนโยนและมีคุณสมบัติในการรักษาสิว
  2. ในระหว่างที่เป็นสิว จะต้องหลีกเลี่ยงการขัดหน้าหรือการใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าแบบสครับ เพราะเป็นการเพิ่มการเสียดสีและทำให้เกิดการระคายเคือง จะทำให้สิวเห่อ หายยากขึ้น และทิ้งริ้วรอยของสิวที่ใหญ่ขึ้น
  3. ทายารักษาสิวที่มีคุณสมบัติช่วยลดอาการอักเสบ ด้วยการแต้มหรือทาเป็นประจำทุกครั้งหลังล้างหน้าหรือเริ่มทาตอนที่สิวเริ่มขึ้น การใช้ยาหรือเวชสำอาง ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์และตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่ใช้ให้มั่นใจก่อนทุกครั้ง
  4. กรณีจำเป็น อาจใช้ยารับประทานยาที่มีส่วนช่วยปรับระดับฮอร์โมน ยาปฏิชีวนะ ยาในกลุ่มวิตามินเอ หรือ ยาแก้อักเสบที่ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิว จะช่วยบรรเทาให้สิวยุบลงได้ แต่ควรอยู่ในการควบคุมดูแลของแพทย์
  5. ใช้เลเซอร์รักษาสิว และ / หรือ ทำทรีทเมนต์รักษาสิว ตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อช่วยลดอาการหน้ามัน ลดอาการอักเสบของสิว และ ลดรอยแดงหรือรอยดำจากสิวให้จางหายไปได้
  6. ปรับเปลี่ยนนิสัยการรับประทานอาหารและการดูแลตนเองให้มากขึ้น โดยหันมารับประทานผักและผลไม้สด ๆ อาหารที่มีกากใย วิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระอยู่มาก เช่น ข้าวกล้อง ธัญพืชไม่ขัดสี ข้าวไรซ์เบอรี่ งาดำและดื่มน้ำเปล่าวันละ 2-3 ลิตร เป็นประจำทุกวัน เพื่อช่วยส่งเสริมการขับถ่ายและชะล้างของเสียที่ตกค้างภายในร่างกาย ทั้งยังช่วยยับยั้งและลดความรุนแรงของสิวอักเสบ เพิ่มไฟโตเอสโตรเจน ซึ่งจะที่ส่งผลดีต่อสุขภาพผิว การมีสุขภาพผิวที่ดีจะเป็นปราการที่ป้องกันการเกิดสิวได้
  7. ออกกำลังกายเป็นประจำและควบคุมน้ำหนักและสัดส่วนให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อช่วยในการปรับสมดุลฮอร์โมนให้เข้าสู่ภาวะปกติ
  8. จัดการกับความเครียดและนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ ไม่อดนอน เพราะความเครียดและการอดนอน นอกจากจะเป็นการกระตุ้นต่อมไขมันทำให้สิวแย่ลงแล้ว ยังส่งผลเสียต่อกระบวนการซ่อมแซมเซลล์ ทำให้สิวและรอยสิวหายช้าลง
  9. ลดการสัมผัสอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นสิว เช่น แสงแดดและฝุ่นควัน บุหรี่ แอลกอฮอล์ และ อาหารรสจัด อาหารหมักดอง อาหารหวานและไขมันสูง เพราะจะกระตุ้นการเกิดสิวและสิวเห่อได้ง่าย
  10. เติมสารต้านอนุมูลอิสระตามระยะเวลาและความถี่ที่เหมาะสม เพื่อขจัดของเสียออกจากร่างกายและผิวหนัง อีกทั้งยังเสริมสร้างคอลลาเจนใต้ผิวซึ่งช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของผิวได้เป็นอย่างดี

ทุกปัญหาเรื่องสิว…เรารับมือได้

ด้วยรักจากใจ

 

ทีมแพทย์มีดีคลินิก


บทความโดย มีดีคลินิก

Related Posts